วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2553

วิธีการเลือกซื้อกระต่าย

วิธีการเลือกซื้อกระต่าย

1. สถานที่ขาย ควรเลือกจากร้านหรือฟาร์มที่เชื่อถือได้ บริเวณที่ขายควรสะอาด มีการรับประกันสุขภาพ หากป่วยหรือตายจากโรคติดต่อในเวลาที่กำหนดควรนำไปเปลี่ยนตัวใหม่ได้ ถ้ามีประวัติสายเลือด "พ่อ แม่ ปู ย่า ตา ยาย" จะดีมาก (สำหรับกรณีกระต่ายพันธุ์ที่แท้เท่านั้น)
2. สุขภาพ กระต่ายซึ่งมีสุขภาพแข็งแรงดูได้ดังนี้
2.1ดวงตาใสสะอาด ฉายแววฉลาด ไม่มีขี้ตา
2.2จมูก ปลายเนื้อจมูกชื้นเล็กน้อย ไม่แห้งและไม่เปียกชุ่ม บริเวณใต้คางต้องแห้งสนิท
2.3บริเวณก้นและอวัยวะเพศสะอาด ไม่มีอุจจาระติดเลอะเทอะ เพราะอาจจะท้องเสียหรือเคยท้องเสีย
2.4ขนบริเวณใต้ท้องควรแน่นและปกคลุมมองไม่เห็นหนังท้องใส เพราะอาจจะเป็นโรคพยาธิ หรือโรคอื่น ๆ ที่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งมักจะทำให้กระต่ายอายุสั้น และตายโดยไม่ทราบสาเหตุ
2.5บริเวณจมูก ใบหู และเท้าทั้งสี่ข้าง ไม่มีแผลหรือผิวหนังตกสะเก็ดเป็นขุย
2.6ในรูหูไม่มีขี้หูอุดตัน เพราะอาจเป็นรังของตัวไร กระต่ายที่อาการเช่นนี้จะไม่ถึงตาย แต่จะทำให้ไม่แข็งแรงและโตช้า และจะลุกลามไปยังตัวอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว
2.7ฟันหน้าจะต้องไม่ยื่น กระต่ายเมื่อโตเต็มที่ อายุ 3 เดือนขึ้นไปต้องมีฟันหกซี่ กระต่ายเล็ก จะมีฟัน 4 ซี่
2.8ลำตัว เวลาคลำดูกระดูกสันหลังจะต้องไม่โปน ไม่พบกระดูกซี่โครงเป็นซี่ๆ เนื้อแน่นอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และสะโพกกลมเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
2.9สุขภาพโดยรวม มีความร่าเริงแจ่มใส และตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมดี เวลาจับต้องดิ้นหรือวิ่งหนีไม่ยอมให้จับได้ง่ายๆ
3. การดูเพศการคัดเพศในกระต่ายเล็ก อาจจะทำได้ตั้งแต่หลังคลอด 1 ถึง 2 วัน แต่โดยทั่วไปแล้ว เพื่อความถูกต้องและไม่ผิดพลาด ควรคัดเพศเมื่อกระต่ายมีอายุตั้งแต่ 3 สัปดาห์ขึ้นไป เนื่องจากสังเกตความแตกต่างระหว่างเพศได้ง่ายและชัดเจนการจับกระต่ายเพื่อดูเพศ โดยใช้มือซ้ายจับบริเวณหนังตรงส่วนหลังของกระต่าย แล้วหงายท้องขึ้นให้หัวห้วยลง ส่วนก้นหันเข้าหาตัวเอง ลักษณะเช่นนี้ช่องอวัยวะเพศจะอยู่ติดกับช่องทวารหนัก ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของมือขวา กดลงในแนวตั้งฉากกับส่วนท้อง โดยนิ้วชี้อยู่เหนืออวัยวะเพศ นิ้วหัวแม่มืออยู่ตรงช่องทวารหนัก เมื่อกดลงจะเห็นลักษณะได้ชัดเจน น้ำหนักแรงกดมีส่วนสำคัญมาก ต้องกดแรงพอที่จะให้อวัยวะเพศโผล่ขึ้นเหนือช่องท้อง ลักษณะอวัยวะเพศเมีย เมื่อมองจากด้านบนจะมีลักษณะยาวรี เป็นรูปตัววีตั้งทำมุม 45 องศากับส่วนท้อง ไม่มีรูที่ปลายอวัยวะเพศ เมื่อมองจากด้านข้างโดยมองจากส่วนหางผ่านช่องทวารหนักไปที่อวัยวะเพศจะเห็นเส้นรอยแยกของอวัยวะเพศเมีย จากปลายยอดของอวัยวะเพศจรดช่องทวารหนัก

วิธีการล้างผักให้สะอาดเพื่อลดปริมาณสารพิษ

วิธีการล้างผักให้สะอาดเพื่อลดปริมาณสารพิษ
1. ลอกหรือปอกเปลือก แล้วแช่น้ำสะอาดนาน 5-10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 27-72
2. แช่น้ำปูนใส นาน 10นาทีจากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 34-52
3. การใช้ความร้อน ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 48-50
4. แช่น้ำด่างทับทิม นาน 10 นาที (ด่างทับทิม 20-30 เกล็ด) ผสมน้ำ 4 ลิตร) ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 35-43
5. ล้างด้วยน้ำไหลจากก๊อก นาน 2 นาที ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 25-39
6. แช่น้ำซาวข้าว นาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29-38
7. แช่น้ำส้มสายชูหรือเกลือป่น ( น้ำส้มสายชูหรือเกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 4 ลิตร) และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29-38
8. แช่น้ำยาล้างผัก นาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 22-36

การเลือกซื้อผัก

การเลือกซื้อผัก
พิจารณาจากสี ขนาด รูปร่าง ความอ่อนแก่
เลือกซื้อตามฤดูกาล การเลือกซื้อผักที่เป็นหัว มีดังนี้
เผือก มัน เลือกที่มีน้ำหนักมาก เนื้อแน่น ผิวเรียบ
ผักกาดหัว เลือกหัวอ่อน ๆ ผิวเรียบไม่งอ
กะหล่ำปลี เลือก หัวแน่น ๆ และมีน้ำหนักมาก
หอมใหญ่ เลือกหัวแน่น ๆ เปลือกแข็ง
การเลือกซื้อผักที่เป็นฝัก
ถั่วฝักยาว ถั่วแขก ถั่วพลู ถั่วลันเตา เลือกฝักอ่อน ๆ สีเขียว แน่น ไม่พอง อ้วน มี เมล็ดเล็ก ๆ ข้างใน อันตรง ๆ ไม่คดงอ
การเลือกซื้อผักที่เป็นใบ
ผักกาดหอม ผักกาดขาว ผักบุ้ง ฯลฯ เลือกที่มีสีเขียวสด ไม่เหี่ยว ไม่มีรอยช้ำ และมีหนอน ต้นใหญ่อวบ ใบแน่นติดกับโคน
การเลือกซื้อผักที่เป็นผล
มะเขือเปาะ เลือกที่ขั้วติดแน่น สด มีน้ำหนักมาก ไม่เหี่ยว
แตงกวา แตงร้าน ลูกที่มีน้ำหนักสีเขียวอ่อน ลูกยาว ผิวนวล ไม่มีรอยช้ำ
มะนาวเลือกผิวบางเรียบ ไม่เหี่ยว - ฟักทอง ผลหนัก แน่น เนื้อเหลืองอมเขียว ผิวเปลือกแข็งขรุขระ

เทียนหอมกันยุง

เทียนหอมกันยุง
ใครชอบแต่งบ้านให้ได้ทั้งความสวยงามและได้ประโยชน์ด้วยละก็ นี่แหละ ใช่เลย เทียนหอมกันยุง เป็นงานหัตถกรรมที่มีความสวยงามสามารถตกแต่งได้ตามใจผู้ทำ สิ่งที่จะต้องเรียนรู้ก็เป็นเรื่องของวัสดุต่างๆที่นำมาใช้และเทคนิค วิธีทำ เมื่อทราบขั้นตอนต่างๆเหล่านี้เมื่อได้ลงมือทำไปบ้างแล้วที่นี้ล่ะ แบบเทียนสวยๆหอมๆจากใจคุณก็จะออกมาได้เอง ยังไงส่งภาพมาให้ดูกันบ้างนะครับ
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เรามาดูกันว่าจะต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
1.หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ใช้สำหรับละลายเทียนเพื่อความสะดวก เพราะตัวหม้อจะมีระบบตัดไฟเมื่อน้ำเทียนเดือด เมื่อเทียนแข็งตัวและเราต้องการให้เทียนหลอมละลายอีกเราก็กดปุ่มอีกครั้ง
2.หม้อสองชั้นสำหรับตุ๋นเทียน ชั้นล่างเป็นหม้อใบใหญ่กว่าสำหรับใส่น้ำ ใบบนสำหรับใส่เทียนเป็นหม้อใบเล็กกว่ามีด้ามจับ ถ้าใช้หม้อชั้นเดียวเนื้อเทียนจะถูกความร้อนโดยตรงซึ่งร้อนเกินไปและไม่สะดวกแก่การทำงาน
3.ถาดขนมสี่เหลี่ยมขนาดต่างๆ ควรเป็นแบบที่ทำจากอลูมิเนียมจะได้ทนความร้อนได้ดี
4.ช้อน สำหรับตักเทียน
5.แม่พิมพ์ สำหรับยอดเทียนให้เป็นรูปต่างๆ
6.เหล็กคีบ ใช้หนีบภาชนะร้อนๆจะได้ไม่ร้อนมือ
7.กาละมังสเตนเลสใบเล็ก
8.ทัพพีกลมสำหรับตักน้ำเทียน
9.กรรไกรสำหรับตัดแต่งเทียน
10.แม่พิมพ์ สำหรัยยอดเทียนให้เป็นรูปต่างๆ กรณีที่ต้องการทำรูปแบบต่างๆให้ดูสวยงาม
11.เหล็กแหลม สำหรับปักไส้เทียน
วัสดุที่เราใช้ในการทำเทียน
1.พาราฟินแวกซ์ มีลักษณะเป็นของแข็งใสมีทั้งแบบก้อนและเม็ด มีจุดหลอมเหลวที ่58°c - 62°c
2.โพลีเอททีลีนแวกซ์ หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า พีอี หรือโพลีเอสเตอร์ เอสเตอร์รีน มีลักษณะเป็นเกล็ด ช่วยทำให้เทียนจุดได้นานขึ้นปกติจะใช้ประมาณ 2--10 เปอร์เซนต์
3.สเตียริคเอซิค ช่วยทำให้เทียนมีผิวลื่นแกะออกจากพิมพ์ง่าย มีทั้งแบบเป็นเกล็ดและเม็ดไข่ปลา ปกติจะใช้ 4 ช้อนโต๊ะต่อพาราฟิน 1/2 กก.
4.ไมโครแวกซ์ ช่วยทำให้เทียนมีความเหนียวง่ายต่อการปั้นหรือแกะสลัก มีลักษณะเป็นแผ่นสีขาว ถ้าใช้แบบคุณภาพต่ำจะทำให้มีควันมาก
5.ไส้เทียน มี 2 แบบคือแบบที่ฟอกแล้วจะมีสีขาวและแบบที่ยังไม่ได้ฟอกจะมีสีขาวขุ่น
6.สีผสมเทียน
7.น้ำมันตะไคร้หอม
เรื่องของวัสดุในการทำเทียนหอมกันยุงผมได้แจงรายละเอียดไว้เผื่อสำหรับในการทำเทียนแบบสวยงามด้วยเลย จึงดูค่อนข้างจะมีส่วนประกอบมาก ลองทำดูก็แล้วกันครับมีไอเดียอะไรในเรื่องของรูปแบบหน้าตาก็ดัดแปลงได้ไม่ผิดกติกา วัสดุหาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนโดยเฉพาะร้านใหญ่ๆจะมีขายส่วนอุปกรณ์หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาเก็ตตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป บางรายการเช่นแบบพิมพ์ขนมรูปต่างๆมีขายตามร้านขายอุปกรณ์ทำขนม
วิธีทำ
1.นำแผ่นฟาราฟินแวกซ์หั่นเป็นท่อนๆใส่หม้อขึ้นตั้งความร้อนปานกลาง เคี้ยวไปจนละลายเป็นของเหลว
2.ใสสีตามลงไปโดยใส่ทีละน้อยตามต้องการคนจนสีเนียนเข้ากันทั่วทั้งหม้อหากสีจืดไปค่อยเติมสีเพิ่ม
3.ใส่หัวน้ำมันตะไคร้หอมประมาณ 3-4 หยดต่อเทียน 1/2 กก.
4.หยอดเทียนใส่พิมพ์ รอจนแข็งตัวจึงแกะออกจากพิมพ์ ตกแต่งผิวด้วยมีดหรือกรรไกร หรืออาจหยอดใส่ถ้วยแก้วเล็กๆก็ได้
5.นำมาตกแต่งด้วยริบบิ้นหรืออื่นๆเพื่อให้ดูสวย
การทำเทียนแบบนี้ก็เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งที่สร้างสรรได้ตามความคิดของผู้ทำ รูปแบบของหน้าตาที่ออกมาจะสวยอย่างไรก็คงคล้ายๆกับการแต่งหน้าเค้กที่ต้องอาศัยทักษะ การสังเกตุจดจำรูปแบบต่างๆที่เคยเห็นและนำมาประยุกต์หรืออาจออกแบบตามแนวความคิดที่จินตนาการขึ้นเอง

วิธีการทำสบู่

วิธีการทำสบู่ มีอยู่ 2 วิธีคือ
วิธีที่ 1 ใช้น้ำด่างสำเร็จรูปในท้องตลาด หากสามารถหาซื้อน้ำด่าง สำเร็จรูปได้ง่ายในท้องตลาด
วิธีที่ 2 ใช้น้ำด่างจากการชะล้างขี้เถ้า วิธีนี้ได้แบบอย่างมาจากผู้อพยพไปตั้งถิ่นฐานในทวีปอเมริกาเหนือรุ่นแรก ๆ
ส่วนผสมของสบู่
1. ไขมันและน้ำมัน อาจเป็นไขมันสัตว์หรือน้ำมันพืชก็ได้ แต่น้ำมันจากแร่ธาตุใช้ไม่ได้ ไขมันสัตว์ เช่น ไขวัว กระบือ น้ำมันหมู ฯลฯ ไขมัน พืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก ข้าวโพด เมล็ดฝ้าย ถั่วเหลือง ถั่วลิสง และน้ำมันละหุ่ง ฯลฯ
2. น้ำด่าง น้ำด่างสำเร็จรูปที่ขายในท้องตลาดเรียกว่า โซดาไฟ หรือผลึกโซดา หรือผลึกโซเดียมไฮดรอกไซด์ ราคาถูกมีขายทั่วไป หรือน้ำ ด่างที่ได้จากการชะล้างขี้เถ้าเรียกว่า โพแทช
3. บอแร็กซ์ สารบอแร็กซ์นี้ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ แต่สารนี้ช่วยให้ สบู่มีสีสันสวยงามและทำให้เกิดฟองมาก มีจำหน่ายตามร้านขายยา หรือร้านขายของชำ มีชื่อเรียกว่า ผงกรอบ หรือผงนิ่ม ส่วนใหญ่บรรจุในถุง พลาสติก
4. น้ำหอม น้ำหอมก็ไม่จำเป็นต้องใช้เช่นกัน แต่ถ้าใช้จะทำให้สบู่ มีกลิ่นดีขึ้น ถ้าไขมันที่ใช้ทำสบู่นั้นเหม็นอับ ใช้น้ำมะนาวหรือน้ำมะกรูดผสม จะช่วยให้กลิ่นหอมยิ่งขึ้นและไม่เน่า
5. น้ำ น้ำที่ใช้ทำสบู่ได้ดีต้องเป็นน้ำอ่อน ถ้าเป็นน้ำกระด้างจะทำ ให้สบู่ไม่เกิดฟอง จึงขจัดความสกปรกไม่ได้ ควรทำให้น้ำนั้นหายกระด้าง เสียก่อน โดยเติมด่างประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ (15 มิลลิลิตร) ต่อน้ำกระด้าง 1 แกลลอน (3.8 ลิตร) คนให้เข้ากัน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 3-4 วัน จึงเท เอาส่วนบนออกมา ส่วนน้ำและตะกอนที่ก้นภาชนะเททิ้งไปได้ น้ำที่เหมาะ ในการทำสบู่มากที่สุดคือน้ำฝน
การทำสบู่จากน้ำด่างสำเร็จรูปในท้องตลาด อุปกรณ์
- ถ้วย ถังหรือหม้อที่ทำด้วยเหล็กหรือหม้อดินก็ได้ แต่ อย่าใช้หม้ออะลูมิเนียม เพราะด่างจะกัด
- ถ้วยตวงที่ทำด้วยแก้วหรือกระเบื้องเคลือบ
- ช้อนกระเบื้องเคลือบหรือช้อนไม้ และใบพายหรือกิ่งไม้ ขนาดเล็กสำหรับคน
- แบบพิมพ์สบู่อาจจะทำด้วยแผ่นไม้หรือกระดาษแข็งก็ ได้ ขนาดของแบบพิมพ์จะใช้กว้างหรือยาวตามต้อง การ แต่ส่วนลึกควรจะเป็น 2-3 นิ้ว ดีที่สุด
- ผ้าฝ้ายหรือกระดาษมันสำหรับรองรับสบู่ในแบบพิมพ์ โดยตัดผ้าหรือกระดาษออกเป็น 2 ชิ้น ชิ้นหนึ่งกว้าง กว่าเล็กน้อย อีกชิ้นหนึ่งยาวกว่าแบบเล็กน้อย ใช้ สำหรับช่วยยกสบู่ออกจากแบบพิมพ์ง่ายขึ้น
อัตราส่วนของส่วนผสมที่ใช้ในการทำสบู่ได้ประมาณ 4 กิโลกรัม
น้ำมันหรือไขแข็งสะอาด 3 ลิตร หรือ 2.75 กก.
บอแร็กซ์ 57 มิลลิลิตร (1/4 ถ้วย)
ผลึกโซดาหรือน้ำด่าง 370 กรัม
น้ำ 1.2 ลิตร
น้ำหอม (เลือกกลิ่นตามต้องการ) 1-4 ช้อนชา
ขั้นตอนในการทำสบู่
1. เตรียมไขมัน ถ้าไขมันไม่สะอาด ควรทำให้สะอาดเสียก่อน โดยเอาไปต้มกับน้ำในปริมาณที่เท่ากันในกาต้มน้ำ เมื่อเดือดแล้วเทส่วน ผสมผ่านผ้าบาง ๆ หรือตะแกรงสำหรับกรองลงในภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วเติมน้ำเย็นลงไป 1 ส่วนต่อส่วนผสม 4 ส่วน ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นโดยไม่ ต้องคน ถ้าจะให้สะอาดยิ่งขึ้นควรใส่มันเทศที่หั่นเป็นแว่นลงไปก่อน ที่จะต้มส่วนผสม
2. เตรียมน้ำด่างผสม ทำได้โดย ตวงน้ำตามปริมาณที่ต้องการ แล้วค่อย ๆ เติมด่าง (ผลึก โซดา) ที่จะใช้ลงไปในน้ำ ไม่ควรเติมน้ำลงไปในด่าง เพราะจะเกิดความร้อน และกระเด็นทำให้เปรอะเปื้อนได้ แล้วปล่อยให้น้ำด่างผสมนี้เย็นลงจนปกติ
3. ค่อย ๆ เติมน้ำด่างผสมนี้ลงไปในไขมันที่ละลายแล้วในข้อ 1 ขณะที่เติมนี้ต้องคนส่วนผสมทั้งหมดนี้อย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอในทิศทาง เดียวกัน จนกว่าส่วนผสมจะข้นตามปกติ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ช่วงนี้ เติมน้ำหอมที่เตรียมไว้ลงไปได้ หลังจากนั้นปล่อยไว้ 15-20 นาที จึงค่อย คนหนึ่งครั้ง ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง เมื่อส่วนผสมเหนียวดีแล้วจึงเทลงในแบบ พิมพ์ ซึ่งมีผ้าหรือกระดาษมันรองอยู่
4. หาฝาครอบแบบพิมพ์ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน ไม่ควรมีการ เคลื่อนย้ายหรือถูกกระทบกระเทือน สบู่จะยึดกันแน่นสามารถเอาออกจาก แบบพิมพ์ได้
5. เมื่อสบู่แข็งตัวดีแล้ว นำออกจากแบบพิมพ์ แล้วใช้เส้นลวดหรือ เส้นเชือกตัดสบู่ออกเป็นชิ้น ๆ ตามขนาดที่ต้องการ แล้วนำไปวางเรียงไว้ให้ อยู่ในลักษณะที่ลมพัดผ่านได้ทั่วถึงในบริเวณที่อุ่นและแห้ง ปล่อยไว้ 2-4 สัปดาห์ ก็นำไปใช้ได้
การทดสอบว่าสบู่จะดีหรือไม่
- สบู่ที่ดีควรจะแข็ง สีขาว สะอาด กลิ่นดีและไม่มีรส สามารถขูด เนื้อสบู่ออกเป็นแผ่นโค้ง ๆ ได้
- ไม่มันหรือลื่นจนเกินไป เมื่อใช้ลิ้นแตะดูไม่หยาบหรือสาก การปรับปรุงสบู่ให้ดีขึ้น
ถ้าสบู่ที่ผ่านขั้นตอนตามเวลาที่ทำทุกช่วงแล้ว แต่ยังมีส่วนผสมบาง ส่วนไม่แข็งตัวหรือแยกกันอยู่ หรือไม่ดีเพราะสาเหตุใดก็ตาม อาจแก้ไขให้ดี ขึ้นดังนี้
- ตัดสบู่ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในหม้อที่มีน้ำบรรจุอยู่ 2.8 ลิตร พร้อมทั้งเทส่วนที่เป็นของเหลวที่เหลืออยู่ในแบบพิมพ์ลงไปด้วย
- นำไปต้มนานประมาณ10 นาที อาจเติมน้ำมะนาวหรือน้ำมัน อื่น ๆ ที่มีกลิ่นหอมลงไปในส่วนผสมประมาณ 2 ช้อนชา (ถ้ายังไม่ได้เติม)ต่อจากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในแบบพิมพ์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ปล่อยไว้ 2 อัน แล้วดำเนินการตามที่กล่าวมาแล้ว
การทำสบู่จากน้ำด่างที่ได้จากขี้เถ้า
เริ่มต้นด้วยการทำน้ำด่างขึ้นเองจากขี้เถ้า อุปกรณ์
1. เครื่องมือสำหรับการชะล้างน้ำด่าง ประกอบด้วยก้อนหิน ขนาดย่อม ๆ หลายก้อน
- แผ่นหินราบมีร่องน้ำให้ไหลได้
- ถังไม้ขนาดจุ 19 ลิตร มีรูเล็ก ๆ หลายรูติดอยู่ก้นถัง
- ภาชนะรองน้ำด่าง ไม่ควรใช้ภาชนะที่ทำด้วยอะลูมิเนียม เพราะน้ำด่างจะกัด
- กิ่งไม้เล็ก ๆ และฟาง
- ขี้เถ้า 19 ลิตร ซึ่งได้จากการเผาไหม้ทุกชนิด ขี้เถ้าจาก ไม้เนื้อแข็งจะใช้ทำน้ำด่างได้ดีที่สุด สำหรับชนบทแถบ ชายทะเล ขี้เถ้าจากการเผาสาหร่ายทะเลใช้ได้ดีมาก เพราะมีธาตุโซเดียมทำให้สบู่แข็งตัวได้ดี
- น้ำอ่อนปริมาณ 7.6 ลิตร
2. วิธีการชะล้างขี้เถ้าทำน้ำด่าง
- ตั้งอุปกรณ์ดังแสดงในรูป โดยที่ก้นของถังทำเป็นที่กรอง ขี้เถ้า ใช้กิ่งไม้ไข้วกัน 2 กิ่ง เรียงเป็นแถว แล้วเอาฟางวางลงบนกิ่ง
- ใส่ขี้เถ้าลงในถัง แล้วเทน้ำอุ่นลงในถังเพื่อให้ขี้เถ้าเปียก และเหนียว เกลี่ยให้เกิดหลุมตรงกลาง แล้วค่อย ๆ เทน้ำส่วนที่เหลือลงใน หลุมนั้น ปล่อยให้น้ำซึมแล้วเติมน้ำอีก น้ำด่างสีน้ำตาลจะไหลลงสู่ส่วนล่าง ของถัง นานประมาณ 1 ชม. น้ำด่างที่ได้จะมีปริมาณ 1.8 ลิตร ถ้าน้ำด่างที่ มีความเข้มข้นดีแล้ว ทดสอบได้โดยเอาไข่ไก่หรือมันฝรั่งใส่ลงไป ไข่หรือมัน จะลอยได้ หรือถ้าจุ่มขนไก่ลงไป น้ำด่างจะเกาะติดแต่ไม่กัดขนไก่ให้หลุด ถ้าน้ำด่างอ่อนไป ควรเทกลับคืนถังอีกครั้ง หรือเคี่ยวให้ข้นด้วยการต้ม
- ส่วนการทำสบู่ในขั้นต่อไปนั้นดำเนินการเช่นเดียวกันกับ วิธีแรก
ข้อควรระวังในการใช้น้ำด่าง
น้ำด่างนี้เป็นพิษเพราะกัดผิวหนังและทำให้เกิดแผลร้ายแรงได้ ฉะนั้น ไม่ควรให้ถูกผิวหนัง ถ้าถูกต้องรีบล้างทันทีด้วยน้ำเปล่า แล้วล้างด้วย น้ำส้มอีกครั้งหนึ่ง
ถ้ากลืนน้ำด่างลงไป ให้รีบดื่มน้ำส้ม น้ำมะนาวหรือมะกรูดตามลงไป ให้มาก ๆ แล้วรีบไปพบแพทย์ ดังนั้นควรเก็บน้ำด่างให้พ้นมือเด็ก
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจนะคับ
การทดสอบว่าสบู่จะดีหรือไม่
- สบู่ที่ดีควรจะแข็ง สีขาว สะอาด กลิ่นดีและไม่มีรส สามารถขูด เนื้อสบู่ออกเป็นแผ่นโค้ง ๆ ได้
- ไม่มันหรือลื่นจนเกินไป เมื่อใช้ลิ้นแตะดูไม่หยาบหรือสาก การปรับปรุงสบู่ให้ดีขึ้น
ถ้าสบู่ที่ผ่านขั้นตอนตามเวลาที่ทำทุกช่วงแล้ว แต่ยังมีส่วนผสมบาง ส่วนไม่แข็งตัวหรือแยกกันอยู่ หรือไม่ดีเพราะสาเหตุใดก็ตาม อาจแก้ไขให้ดี ขึ้นดังนี้
- ตัดสบู่ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในหม้อที่มีน้ำบรรจุอยู่ 2.8 ลิตร พร้อมทั้งเทส่วนที่เป็นของเหลวที่เหลืออยู่ในแบบพิมพ์ลงไปด้วย
- นำไปต้มนานประมาณ10 นาที อาจเติมน้ำมะนาวหรือน้ำมัน อื่น ๆ ที่มีกลิ่นหอมลงไปในส่วนผสมประมาณ 2 ช้อนชา (ถ้ายังไม่ได้เติม)ต่อจากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในแบบพิมพ์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ปล่อยไว้ 2 อัน แล้วดำเนินการตามที่กล่าวมาแล้ว
การทำสบู่จากน้ำด่างที่ได้จากขี้เถ้า
เริ่มต้นด้วยการทำน้ำด่างขึ้นเองจากขี้เถ้า อุปกรณ์
1. เครื่องมือสำหรับการชะล้างน้ำด่าง ประกอบด้วยก้อนหิน ขนาดย่อม ๆ หลายก้อน
- แผ่นหินราบมีร่องน้ำให้ไหลได้
- ถังไม้ขนาดจุ 19 ลิตร มีรูเล็ก ๆ หลายรูติดอยู่ก้นถัง
- ภาชนะรองน้ำด่าง ไม่ควรใช้ภาชนะที่ทำด้วยอะลูมิเนียม เพราะน้ำด่างจะกัด
- กิ่งไม้เล็ก ๆ และฟาง
- ขี้เถ้า 19 ลิตร ซึ่งได้จากการเผาไหม้ทุกชนิด ขี้เถ้าจาก ไม้เนื้อแข็งจะใช้ทำน้ำด่างได้ดีที่สุด สำหรับชนบทแถบ ชายทะเล ขี้เถ้าจากการเผาสาหร่ายทะเลใช้ได้ดีมาก เพราะมีธาตุโซเดียมทำให้สบู่แข็งตัวได้ดี
- น้ำอ่อนปริมาณ 7.6 ลิตร
2. วิธีการชะล้างขี้เถ้าทำน้ำด่าง
- ตั้งอุปกรณ์ดังแสดงในรูป โดยที่ก้นของถังทำเป็นที่กรอง ขี้เถ้า ใช้กิ่งไม้ไข้วกัน 2 กิ่ง เรียงเป็นแถว แล้วเอาฟางวางลงบนกิ่ง
- ใส่ขี้เถ้าลงในถัง แล้วเทน้ำอุ่นลงในถังเพื่อให้ขี้เถ้าเปียก และเหนียว เกลี่ยให้เกิดหลุมตรงกลาง แล้วค่อย ๆ เทน้ำส่วนที่เหลือลงใน หลุมนั้น ปล่อยให้น้ำซึมแล้วเติมน้ำอีก น้ำด่างสีน้ำตาลจะไหลลงสู่ส่วนล่าง ของถัง นานประมาณ 1 ชม. น้ำด่างที่ได้จะมีปริมาณ 1.8 ลิตร ถ้าน้ำด่างที่ มีความเข้มข้นดีแล้ว ทดสอบได้โดยเอาไข่ไก่หรือมันฝรั่งใส่ลงไป ไข่หรือมัน จะลอยได้ หรือถ้าจุ่มขนไก่ลงไป น้ำด่างจะเกาะติดแต่ไม่กัดขนไก่ให้หลุด ถ้าน้ำด่างอ่อนไป ควรเทกลับคืนถังอีกครั้ง หรือเคี่ยวให้ข้นด้วยการต้ม
- ส่วนการทำสบู่ในขั้นต่อไปนั้นดำเนินการเช่นเดียวกันกับ วิธีแรก
ข้อควรระวังในการใช้น้ำด่าง
น้ำด่างนี้เป็นพิษเพราะกัดผิวหนังและทำให้เกิดแผลร้ายแรงได้ ฉะนั้น ไม่ควรให้ถูกผิวหนัง ถ้าถูกต้องรีบล้างทันทีด้วยน้ำเปล่า แล้วล้างด้วย น้ำส้มอีกครั้งหนึ่ง
ถ้ากลืนน้ำด่างลงไป ให้รีบดื่มน้ำส้ม น้ำมะนาวหรือมะกรูดตามลงไป ให้มาก ๆ แล้วรีบไปพบแพทย์ ดังนั้นควรเก็บน้ำด่างให้พ้นมือเด็ก

วิธีทำ เต้าฮวยนมข้าวโพด

เต้าฮวยนมข้าวโพด
เครื่องปรุงผงวุ้น 1 ช้อนชา
น้ำนมข้าวโพด 500 ซีซี
วานิลลา 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 100 กรัม
เจลาตินผง 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
พิมพ์สี่เหลี่ยมสำหรับใส่เต้าฮวยนมข้าวโพด ผลไม้รวมแช่เย็น ตามชอบ เชอรี่แดงและใบสะระแหน่สำหรับแต่ง น้ำแข็ง
วิธีทำ
ผสม ผงวุ้น น้ำนมข้าวโพด วานิลลา น้ำนมข้าวโพด น้ำตาลทราย และเจลาติน เกลือป่น เข้าด้วยกัน ต้มจนเดือด จึงยกลง เทลงพิมพ์ที่เตรียมไว้พักไว้จนเต้าฮวยทรงตัวดี ตัดเป็นชิ้นตักใส่แก้ว เติมผลไม้รวม และน้ำแข็ง แต่งด้วยเชอรี่แดงและใบสะระแหน่ พร้อมรับประทาน

วิธีทำ ขนมจีบกุ้ง

ขนมจีบกุ้ง

ส่วนผสม
แผ่นแป้งเกี๊ยวประมาณ 2 ห่อ
กุ้งชีแฮ้ (เปลือกขาว) 1 ก.ก. (แกะเปลือกแล้ว)
มันหมูบดละเอียด 200 กรัม
น้ำตาลทราย 50 กรัม
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยขาว 1 ช้อนชา
แป้งมันฮ่องกงประมาณ 1/4 ถ้วย
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
แป้งมันสำปะหลังสำหรับล้างกุ้ง ประมาณ 2 ถ้วย
เม็ดถั่วลันเตา เล็กน้อย
แครอท เห็ดหอม หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดเท่ากับเม็ดถั่วลันเตา ใช้สำหรับแต่งหน้า

วิธีทำ
1. แกะเปลือกกุ้ง ผ่าหลังดึงไส้ดำออก ล้างน้ำให้สะอาด แล้วโรยแป้งมันสำปะหลังให้ทั่วขยำเบา ๆ พร้อมกับเปิดน้ำเบา ๆ ให้น้ำค่อย ๆไหล แช่กุ้งไว้พร้อมแป้งไว้ประมาณ 20 -30 นาที หลังจากนั้นใช้มือล้างกุ้ง ให้สะอาด เทน้ำออก แล้วเปิดน้ำใส่กะละมังให้น้ำไหลทิ้ง จนกว่าน้ำที่ล้างกุ้งจะสะอาดไม่มีสีขาวของแป้ง เทกุ้งใส่กระชอนพักให้สะเด็ดน้ำ ใช้ผ้าสะอาดที่ซับน้ำวางบนโต๊ะ เทกุ้งลงบนผ้าแผ่ออกแล้วเช็ดให้แห้งสนิท
2. ใส่กุ้ง มันหมู น้ำตาลทราย เกลือ พริกไทย แป้งมันฮ่องกง น้ำมันงา ลงในโถผสม ใช้หัวตะกร้อตีจนเนื้อกุ้งเหนียวเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน (ถ้าไม่มีที่ตีใช้มือนวดก็ได้ แต่ใช้แรงและเวลามากหน่อย) นำส่วนผสมที่ได้แช่เย็นไว้ในช่องเย็น (Chill )จนเย็นประมาณ 1-2 ชั่วโมง (จะแช่ค้างคืนไว้ก็ได้)
3.ตัดริมแผ่นแป้งเกี๊ยวออกเล็กน้อยให้เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ตักกุ้งที่แช่ไว้ใส่แผ่นแป้ง บีบให้แน่น อย่าใส่มากเกินไป ปาดหน้าให้เรียบ วางถั่วลันเตาหรือเห็ดหอมหรือแครอทบนหน้ากุ้ง ทาน้ำมันพืชบนลังถึงให้ทั่ว วางขนมจีบแล้วนำไปนึ่งนานประมาณ 5 นาที- ควรใช้กุ้งชีแฮ้ตัวใหญ่ขนาด 100 ตัวต่อ 1 กิโลกรัม เนื้อกำลังอร่อย - ถ้ามีปัญหาเรื่องคอเลสตอรอลไม่ใส่มันหมูก็ได้ แต่เนื้อกุ้งจะแข็ง